ก่อนขับรถบรรทุกต้องรู้จักอะไรบ้าง?

หัวใจสำคัญในด้านการขนส่งทางบก คงหนีไม่พ้นให้กับผู้ที่มีอาชีพขับรถบรรทุก ในสายงานด้าน โลจิสติก์ และงานด้านเชิงพาณิชย์ รถบรรทุกมีความสำคัญทั้ง ภายในและภายนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งในปริมาณที่มาก หรือขนาดใหญ่ รถบรรทุกก็สามารถตอบสนองด้านการขนส่งเป็นอย่างดี ทั้งสะดวก รวดเร็ว และราคาถูก ดังนั้น เราจึงอยากนำความรู้ก่อนที่คุณจะมาประกอบอาชีพขับรถบรรทุก ซึ่งก่อนที่จะขับรถบรรทุกต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ?

1. ต้องมีใบขับขี่

ในการขับรถแต่ละประเภทต้องมีใบขับขี่ ตามกฎหมาย แต่ในการขับรถบรรทุกนั้น จะต้องมีใบอนุญาตในการขับขี่ตามกฎหมายแล้ว สำหรับการขับรถบรรทุกนั้น และใบขับขี่จะถูกแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

-ใบอนุญาตขับรถทุกประเภท บ.2 คือ ใบอนุญาตขับรถประเภทส่วนบุคคล คือ การอนุญาตให้สามารถขับขี่เพื่อขนส่งส่วนบุคคลได้ เช่น รถบัส, รถบรรทุก 6-10 ล้อ (ป้ายทะเบียนพื้นสีขาว)

-ใบอนุญาตขับรถทุกประเภท ท.2 คือ ใบอนุญาตประเภทขับขี่เพื่อขนส่งได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นใช้สำหรับขนส่งเพื่อการค้า ธุรกิจส่วนตัว ใช้ขนส่งเพื่อรับจ้าง การขนส่งคน สิ่งของ หรือประกอบธุรกิจการขนส่งได้ เช่น รถบรรทุกสาธารณะ รถบัส, รถบรรทุก 6-10 ล้อ (ป้ายทะเบียนพื้นสีเหลือง)

2. ต้องรู้เรื่องการจำกัดเวลา และพื้นที่วิ่งของรถบรรทุก

ในการขับรถบรรทุก ต้องรู้ดีว่าการจราจรแต่ละพื้นที่ มีความแออัด และพื้นที่แต่ละพื้นที่ไม่สามารถเข้าถึงได้  การวิ่งบนทางราบเวลา และพื้นที่รวมถึงสิ่งของที่จำกัดสามารถวิ่งได้ดังนี้

ห้ามรถบรรทุกก๊าซ วัตถุไวไฟ ตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป และรถพ่วง เดินรถในเขตกรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. ทุกวัน เว้นวันอาทิตย์

รถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ห้ามวิ่งในเวลา 06.00 – 09.00 น. และ เวลา 16.00-20.00 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ

รถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ห้ามวิ่งในเวลา 06.00 – 10.00 น. และ เวลา 15.00-21.00 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ

ห้ามรถบรรทุกอื่น เช่น บรรทุกซุง เสาเข็ม เดินรถ เวลา 06.00-21.00 น.

วิ่งบนทางด่วน

รถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ห้ามวิ่งเวลา 06.00-09.00 น. และ 16.00-20.00 น.

รถบรรทุก 10ล้อขึ้นไป ห้ามวิ่งเวลา 06.00-09.00 น. และ 15.00-21.00 น.

รถบรรทุกสารเคมี ห้ามวิ่งเวลา 06.00-10.00 น. และ 15.00-22.00 น.

3. ต้องรู้เรื่องน้ำหนักบรรทุก หรือพิกัดน้ำหนักตามกฎหมายกำหนด

ในการขับรถบรรทุกเรื่องพิกัดน้ำหนัก เป็นสิ่งที่สำคัญที่ควรรู้อย่างมาก เพราะหากฝ่าฝืน มีน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา เช่น ทำให้พิ้นผิวถนนพัง ทรุดโทรม เสียหาย เป็นหลุมบ่อ

ซึ่งตามประกาศแล้วการกำหนดพิกัดน้ำหนักรถบรรทุก ได้กำหนดน้ำหนักของรถบรรทุกรวมน้ำหนักรถ เอาไว้ดังนี้

รถบรรทุกขนาด 4 ล้อ ต้องบรรทุกไม่เกินกว่า 9.5 ตัน

รถบรรทุกขนาด 6 ล้อ ต้องบรรทุกไม่เกิน 15 ตัน

รถบรรทุกขนาด 10 ล้อ ต้องบรรทุกไม่เกิน 25 ตัน

รถพ่วง 6 เพลา 22 ล้อ ต้องบรรทุกหนักไม่เกิน 50.5 ตัน

4. ต้องมีผ้าคลุมแน่นหนา และมีอุปกรณ์ล็อคเพื่อความปลอดภัย

ในการขับรถผู้ขับรถบรรทุกต้องมีความรู้เกี่ยวกับการคลุมผ้าใบ ที่จะต้องใช้ผ้าใบสีทึบ และยึดติดกับตัวรถให้มีความแน่นหนาพอที่ไม่ให้สิ่งของรั่วไหล ตกหล่น จนทำให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่นได้ ทั้งนี้ไม่ใช่แค่รถบรรทุกเพียงอย่างเดียว อย่างรวมถึงรถประเภทอื่นๆด้วย หากฝ่าฝืน จะมีโทษปรับตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก โดยมีโทษปรับสูงสุด 50,000 บาท และนายทะเบียนอาจพักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาต ส่วนคนขับมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท และหากเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น ผู้ประกอบการจะต้องชดใช้ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อีกด้วย

5. รถบรรทุกต้องติดตั้ง และเปิด GPS ตลอดเวลา

ในการที่ต้องติดตั้ง และเปิด GPS นั้นเป็นการบังคับใช้จากกรมการขนส่งทางบกโดยมีการกำหนดให้ รถโดยสารสาธารณะ, รถลากจูง, รถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ทุกคันติดตั้งระบบ GPS เพื่อเชื่อมโยงข้อมูล    เข้ากับศูนย์บริหารจัดการเดินรถของภาครัฐ และเพื่อตรวจสอบพฤติกรรมการขับขี่ของคนขับว่ามีการออกนอกเส้นทางหรือไม่ หรือหากขับขี่ไม่สุภาพ  ใช้ความเร็วในการขับขี่เกินกำหนด, เวลาในการเดินรถไม่สอดคล้อง กับพิกัดของตัวรถ ซึ่งในการติดตั้ง GPS ไม่ดูแลรักษาสภาพเครื่องให้ส่งสัญญาณ GPS ได้ตามปกติถือว่ามีโทษ ปรับตั้งแต่ 1,000 – 5,000 บาท และจะไม่สามารถต่อทะเบียนรถคันดังกล่าวได้ เลือกจัดไฟแนนซ์  เข้าถึงง่าย ได้ที่ มิตรสิบ” คลิกเลย