5 เมนูที่มีแคลเซียม

   นอกจากการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่แล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่จะเข้าไปช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง รวมไปถึงช่วยในการเผาผลาญ และยังมีส่วนช่วยในเรื่องควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ เป็นต้น คือ ประเภทแคลเซียม

   แคลเซียม นอกจากจะช่วยในเรื่องที่กล่าวข้างต้นแล้ว ยังช่วยการทำงานของระบบประสาท ปรับสมดุลความดัน ลดการเกิดตะคริว และที่สำคัญช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่อีกด้วย  แต่เราต้องรู้จักการรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมอย่างพอดี ไม่มากและไม่น้อยเกินไป เพราะบางทีหากรับประทานในขณะไม่เหมาะสมอาจจะทำให้เกิด ความดันโลหิตสูง หรือ กล้ามเนื้อไม่ทำงาน เป็นต้น แล้วเรารับประทานอาหารประเภทแคลเซียมไม่เกินเท่าไรล่ะ ?  วันนี้แอดมินมีคำตอบมาให้

   ช่วงอายุที่ร่างกายควรได้รับแคลเซียม

   1. เด็กอายุไม่เกิน 3 ปี ควรได้รับแคลเซียม 400-800 มิลลิกรัมต่อวัน

   2. เด็กอายุ 3-10 ปี ควรได้รับแคลเซียม 800 มิลลิกรัมต่อวัน

   3. เด็กอายุ 9-18 ปี ควรได้รับแคลเซียม 1,300 มิลลิกรัมต่อวัน

   4. เด็กอายุ 19-50 ปี ควรได้รับแคลเซียม 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน

   5. ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ควรได้รับแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน

   6. ผู้หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ควรได้รับแคลเซียม 1,300 มิลลิกรัมต่อวัน

   สำหรับแหล่งอาหารที่มีแคลเวียมสูง ได้แก่

   1. ผลิตภัณฑ์ของนม เช่น โยเกิร์ต ชีส นมถั่วเหลือง

   2. ปลาตัวเล็กและสัตว์ตัวเล็ก ที่สามารถรับประทานได้ทั้งกระดูกหรือเปลือก เช่น ปลาซาร์ดีนกระป๋อง ปลาไส้ตัน กุ้งฝอย กุ้งแห้ง เป็นต้น

   3. ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์ เช่น เต้าหู้อ่อน เต้าหู้แข็ง งาดำ

   4. ผักใบเขียว เช่น ผักกาดเขียว ผักกวางตุ้ง ผักคะน้า เป็นต้น

   ดังนั้นการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่จึงเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับร่างกายของเราทุกคน นอกจากจะช่วยบำรุงและซ่อมแซมส่วนต่างๆในร่างกายแล้ว บางชนิดยังช่วยลดน้ำตาล ลดโรคได้อีกด้วย และที่สำคัญหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

     หากใครกำลังมองหาประกันสุขภาพ มิตรสิบ โบรกเกอร์ประกันภัย ยินดีให้คำปรึกษาด้านประกันทุกประเภท พร้อมรับสิทธิพิเศษอีกมากมาย